Sühring The Home of Twin Sühring (ซูห์ริ่ง) ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งจากสองเชฟฝาแฝดชาวเยอรมันที่เคยฝากฝีมือไว้กับร้านดังหลายร้าน ตอนนี้ทั้งสองเชฟพร้อมจะมาสร้างสีสันในวงการอาหารให้กับกรุงเทพ ฯ ด้วยอาหารแนว Fine Dining สไตล์เยอรมันแล้ว
Retro House At Yenakart
ตัวร้านได้รับการปรับปรุงและต่อเติมบ้านหลังสวยของครอบครัวในซอยเย็นอากาศที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1970 ให้กลายมาเป็นร้านอาหาร เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับสวนร่มรื่นและต้นไม้ใหญ่ ใครที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติอาจจะเลือกนั่งโซนหน้าร้านที่มีลักษณะเป็นเรือนกระจกที่ห้อมล้อมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ถ้าเดินเข้าไปอีกนิดก็จะพบกับโซนดินเนอร์อีกสองห้องใหญ่ที่ให้บรรยากาศสบาย ๆ เหมือนที่บ้าน ร้านตกแต่งเรียบ ๆ ด้วยโทนสีอบอุ่นและเฟอร์นิเจอร์สไตล์ย้อนยุคนิด ๆ แฝงกลิ่นอายของยุโรปในยุคเก่าด้วยภาพวาดจากบ้านเดิมของเชฟที่เยอรมัน
Kitchen Room
ถ้าใครอยากดินเนอร์พร้อมดูเชฟเตรียมอาหารไปด้วย สามารถเลือกนั่งที่โซน Kitchen Room ที่เหมือนเปิดห้องครัวให้มานั่งทานอาหารกันเลย ถ้าอยากนั่งตรงนี้ต้องจองก่อนเพราะมีที่นั่งเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น หรือจะเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์
From Sühring Twin Chefs
ร้านนี้นำโดยเชฟคู่แฝดชาวเยอรมัน Mathias Sühring และ Thomas Sühring ที่เคยฝากฝีมือไว้กับ Mezzaluna ร้านอาหารอิตาเลียนหรูบนชั้น 65 ของโรงแรมเลอบัว สเตททาวเวอร์ และเคยทำงานในร้านอาหารระดับมิชลันสตาร์ 3 ดาว อย่าง Aqua ที่เยอรมัน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมจากร้านอาหารแนวหน้ามามากกว่า 10 ปี ตอนนี้ทั้งสองเชฟก็พร้อมที่จะแนะนำทุกคนให้ได้ลิ้มลองอาหารแนว New German Cuisine ที่หลายคนอาจจะไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน เพราะอาหารของที่นี่ล้วนเป็นการนำอาหารดั้งเดิมต่าง ๆ ที่เชฟคุ้นเคยในวัยเด็กที่เยอรมัน มาผสมผสานกับเทคนิคใหม่ ๆ พร้อมคัดเลือกเฉพาะวัตถุดิบที่ดีที่สุดออกมาเป็นเซ็ตเมนูที่เหมือนกับการรวมอาหารจากแคว้นต่าง ๆ ในเยอรมันมาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีไวน์ชั้นดีให้เลือกจับคู่อีกมากมายอีกด้วย
Introducing New German Cuisine
ก่อนเริ่มมื้อนี้ ทางร้านเสิร์ฟ Welcome Drink เป็นเบียร์แก้วเล็ก ๆ น่ารัก มีรสหวานนิด ๆ จากส่วนผสมของน้ำแอปเปิ้ลและ Krombacher เบียร์ไร้แอลกอฮอล์แต่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมอลต์จากเยอรมันให้ดื่มอุ่นเครื่องกันก่อน จากนั้นจะเริ่มเสิร์ฟเมนูเรียกน้ำย่อย Savory Cookie ชิ้นเล็ก ๆ ใช้ฐานเป็นแครกเกอร์ท็อปด้วยอะโวคาโดบดและไข่ปลาเทราท์ เสิร์ฟมาในกล่องวินเทจลวดลายสวยงาม ตามด้วย Snacks คำเล็ก ๆ อีกสี่อย่าง Spiced Tomato Cracker ที่ใช้ฐานเป็นขนมปังซาวโดว์กรอบ ๆ รสชาติหวานเค็มลงตัวท็อปด้วยมะเขือเทศหลากสีที่ผสมผสานกับรสชาติเด่นจากกระเทียมดองกับกลิ่นของพริกและใบกระเพรา ส่วน Frankfurter grüne Soße ที่แม้จะเป็นคำเล็ก ๆ แต่มีส่วนประกอบของสมุนไพรถึง 7 ชนิดด้วยกัน เชฟนำมันฝรั่งไปปรุงรสกับซาวครีมและไข่แดงเป็นเวลานานจนมีลักษณะเป็นเนื้อมูสสีเขียวครีมมี่ รสชาติเข้ากันลงตัว อีกเมนูเป็น Pork Knuckle Sandwich หรือขาหมูเยอรมันสไลด์เป็นชิ้นบาง ๆ วางบนแซนด์วิสแป้งซาวโดว์โฮมเมด แล้วเพิ่มรสชาติด้วยน้ำสลัดรส Sauerkraut กับซอส Marjoram ก่อนนำไปกริลล์จนหอมกรอบ และอีกเมนู Snack ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ Duck Liver ตับเป็ดจากฮังการีท็อปมาบนฐานขนมปังและวางบนแก้วไวน์ เวลาทานต้องดื่มไวน์ในแก้วที่เลือกมาเป็นไวน์จากออสเตรียอย่าง 2008 Seewinkel Beerenauslese Heinz Velich รสชาติออกหวาน เข้ากันกับรสชาติมัน ๆ ของตับเป็ดอย่างดี
Sühring เมนูนไฮไลท์ของที่นี่
Sühring หลังจากเสิร์ฟเมนูเรียกน้ำย่อยแล้ว ต่อมาเป็นเมนูสลัดที่เป็นอีกหนึ่งจานไฮไลท์ของที่นี่ เชฟจะคัดเลือกผักสดที่หาได้ตามแต่ละวันมาผสมผสานเป็น Late Winter & Early Spring Vegetable & Leafs จานนี้มีผักถึง 23 ชนิด ประกอบด้วยหลากหลายเท็กซ์เจอร์ทั้งผักสดและผักที่ผ่านกรรมวิธีเฉพาะที่เหมาะสมของผักแต่ละชนิด ราดด้วยเดรสซิ่งบล็อกโคลี่เฮเซลนัท
Recommended Dishes : Brotzeit It’s Bread Time!
ถึงเวลาของ Brotzeit ที่แปลว่า Bread Time นั่นเอง ที่นี่ใช้ขนมปังซาวโดว์ที่หมักเองจากหัวเชื้ออายุ 1 ปีเท่านั้น เชฟจะนำไปอบในเตาถ่าน เสิร์ฟมาให้ลองทานไม่ว่าจะเป็นขนมปังที่ทานกับ Oldenburger เนยสไตล์เยอรมัน และ Schmalz มันหมูพร้อมกากหมูชิ้นเล็ก ๆ พร้อมเพรทเซลไว้ทานคู่กับชีสดิปอย่าง Obatzda นอกจากนี ยังมี Dry-Aged Cold Cuts กับแตงดองไว้ทานแกล้มอีกด้วย
Homemade Delectable Dishes
จานต่อมาเป็น Wild Trout Slowly Cooked in Grapeseed Oil ปลาเทราท์ชิ้นกำลังดีที่นำไป Slow Cooked ในอุณหภูมิ 40 องศาเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงแต่ยังคงรสชาติเค็มเล็ก ๆ ตามธรรมชาติของวัตถุดิบ ทานคู่กับซอสมัสตาร์ดมายองเนสรสฝาดนิด ๆ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งและผักตามฤดูกาล สำหรับใครที่ชอบทานพาสต้าต้องถูกใจ Spätzle เส้นพาสต้าสไตล์เยอรมันนุ่ม ๆ สูตรเฉพาะของทางร้านที่ทำจากไข่ เสิร์ฟมากับ Morel Mushroom แล้วท็อปด้วยฟองนุ่ม ๆ ของ Allgäuer Mountain Cheese รสชาติเข้ากันได้ดี
เมนคอร์สของที่นี่เสิร์ฟ Simmentaler Beef Tenderloin สเต็กที่เลือกใช้เนื้อวัวส่วนไขมันน้อย นำไปรมควันกับหญ้ากระต่ายทำให้ได้กลิ่นหอมเฉพาะตัว ย่างมาแบบไม่สุกมากเนื้อจึงยังคงความฉ่ำอยู่ เสิร์ฟคู่กับมะเขือม่วงบดแล้วเพิ่มเท็กซ์เจอร์กรอบ ๆ ด้วยสาหร่ายทะเล
Perfect Finishing Desserts
จบมื้อนี้ด้วยเมนูขนมหวานสีสวย Rhubarb ใช้ไวท์ช็อคโกแล็ตที่นำไป Caramelized อย่างดีผสมกับกลิ่นจาก Tarragon หรือจะลองหวานอีกจานอย่าง Waldorf Salad ที่ต้องคลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกันก่อนทาน เป็นการจบมื้อนี้ด้วยความหวานที่ไม่อิ่มมากจนเกินไป
ประวัติร้าน Sühring
‘Suhring’ เป็นชื่อที่คนชอบทานอาหารน่าจะได้ยินกันบ่อยในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาครับ โดยทางร้านเพิ่งติด Asia’s 50 Best Restaurants (ได้อันดับ 13) ตัวผมเองได้ยินชื่อ ลองเปิดรีวิวดู แล้วก็เออ น่าอร่อย ราคาพอไหว ก็เลยเข้าเว็บจองที่นั่งไปครับ อีกวันนึงก็มีเมลจากทางร้านตอบกลับมา เพื่อให้คอนเฟิร์ม เขียนมายาวเฟื้อย อ่านแล้วประทับใจมาก
ชื่อร้าน มาจากนามสกุลของ Thomas และ Mathias เชฟฝาแฝดชาวเยอรมัน ผู้ผ่านประสบการณ์ทำงานในเนเธอร์แลนด์, อิตาลี รวมถึงในเยอรมันนีบ้านเกิด โดยรายการอาหารที่เสิร์ฟทางร้านเรียกว่า modern German เป็นเมนูที่มาจากความประทับใจในวัยเด็ก สูตรของครอบครัว รวมถึงประสบการณ์จากที่เคยทำงานในหลายประเทศผสมผสานกัน เสิร์ฟให้กับแขกผู้มาเยือนบ้านหลังอันอบอุ่นของทั้งคู่ในซอยเย็นอากาศครับ
พอถึงวันที่จองไว้ก็นั่งรถเข้าเมืองไปลงทางด่วนตรงถนนสาธุประดิษฐ์ โชคดีฝนไม่ตก รถไม่ค่อยติด ผมออกจากบ้านเลทแต่ก็มาถึงร้านพอดีกับเวลาที่จองไว้คือหกโมงเย็น (ทางร้านให้จองได้สองรอบคือ หกโมงและสามทุ่ม) แจ้งชื่อแล้วพนักงานก็พาเดินเข้าไปด้านในบ้าน ตัวบ้านขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้านนอกมีสวนสวยงาม สำหรับที่นั่งจะมี 3 โซน คือเรือนกระจกด้านหน้า ห้องนั่งเล่น แล้วก็ส่วนที่นั่งในครัว ผมเลยขอที่นั่งติดครัว เพื่อจะได้นั่งทานไปดูพ่อครัวแม่ครัวปรุงอาหารกันตรงหน้าครับ
ทางร้านมีเฉพาะอาหารเย็น เลือกคอร์สได้ เลือกไวน์ แพริ่งได้ หรือจะทานเป็น เมนู a la carte ก็มี แนะนำไว้ให้จองไปก่อนเพื่อความชัวร์ครับ สำหรับราคาก็พอไหวไม่โหดมาก มีตัวกาแฟและน้ำเปล่าที่ผมคิดว่ารวมอยู่ในคอร์ส แต่เค้าคิดแยกมา (ราคาแอบแรงด้วย) ใครอยากลอง Fine Dining ลอง เป็นที่แรกน่าจะประทับใจครับ
Suhring ซอยเย็นอากาศ ช่องนนทรี ยานนาวา
เบอร์ : 02 287 1799
เปิด : 18.00-22.00